How Thai Silk & Italian Silk Differences?

Last updated: 23 Nov 2020  |  72468 Views  | 

Silk fabric - winnaar garment

เคยสงสงสัยไหมคะว่าผ้าไหมไทยกับผ้าไหมอิตาลีต่างกันยังไง ทำไมเราถึงเรียกว่าผ้าไหมเหมือนกันทั้งที่ลักษณะและคุณสมบัตืต่างกันโดยสิ้นเชิง วันนี้จะเล่าให้ฟังค่ะ



ผ้าไหมไทย (Slik Thai) คือ ทำขึ้นมาจากเส้นใยธรรมชาติ ที่ได้จากสัตว์หนอนไหมที่เลี้ยงในประเทศไทยโดยเฉพาะ นำมาผ่านกระบวนการสางเส้นใย และนำมาทักทอให้เป็นลวดลายบนพื้นผ้าที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการทอ เช่น จก ยก ขิด ขัด เป็นต้น ผ้าไหมไทยเป็นผ้าที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นของลวดลายบนพื้นผ้าและยังมีขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อน ใช้เวลาในการผลิตมากกว่าผ้าชนิดอื่น จึงทำให้ผ้าไหมไทยมีราคาสูงกว่าผ้าทุกชนิดค่ะ

ผ้าไหมอิตาลี (Silk Italy) คือ ผ้าที่ผลิตขึ้นมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ (Polyester) นำมาผ่านกระบวนการทอ ด้วยเครื่องจักรจนได้ลักษณะพิเศษเฉพาะตัวถูกตั้งชื่อเรียกทางการตลาดว่า ผ้าไหมอิตาลี (Silk Italy) โดยบางครั้งอาจสร้างความสับสนต่อผู้ซื้อ ซึ่งอาจเข้าใจว่าเป็นผ้าไหม Silk ที่เป็นเส้นใยธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้ว เป็นผ้าโพลีเอสเตอร์ ที่มีผิวสัมผัสคล้ายผ้าไหมใยธรรมชาติเท่านั้น ถึงผ้าไหมอิตาลี จะผลิตขึ้นมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ แต่ยังสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติจึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีราคาถูกมากค่ะ

ลักษณะของผ้าไหมไทย และ ผ้าไหมอิตาลี
ผ้าไหมไทย : มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากผ้าทั่วไป คือ ลวดลายบนตัวผ้าที่ถูกทอขึ้นมาด้วยกรรมวิธีแตกต่างกันออกไป บางชนิดเป็นปุ่มปมอันเนื่องมาจากระดับคุณภาพของเส้นใย (ซึ่งเกิดในกระบวนการสางเส้นใยจากตัวไหม)
ผ้าไหมอิตาลี : เนื้อผ้าที่มีลักษณะโปร่งแสงปานกลาง ผ้าทั้ง 2 ด้าน มีความเรียบลื่น น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นเล็กน้อย





คุณสมบัติและจุดเด่นของผ้าไหมไทย และ ผ้าไหมอิตาลี
ผ้าไหมไทย : ผ้าไหม มีคุณสมบัติพิเศษ ลื่น มันวาน ยืดหยุ่นได้ดี มีน้ำหนักเบาระบายอากาศได้ดี สวมใส่สบาย อ่อนโยนต่อผิวเนื่องจากผลิตมาจากเส้นใยธรรมชาติ
ผ้าไหมอิตาลี : ผ้ามีความนุ่มเรียบลื่น มีความพริ้วไหว น้ำหนักเบา ทำให้ใส่แล้วไม่ระคายเคืองผิว แต่ระบายอากาศไม่ดีนัก สามารถพิมพ์ลายลงบนผ้าได้ ให้สีสนที่สดใส ไม่มีข้อจำกัดเรื่องสีหรือลายที่ต้องการพิมพ์ และมีราคาถูก

การนำมาใช้งาน
ผ้าไหมไทย : จากความประณีต ทำให้ผ้าไหมไทยมีราคาที่สูง แต่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ จึงยังได้รับความนิยมในกลุ่มที่ชื่นชอบรายละเอียดของผ้าไหมไทย
ผ้าไหมไทยในสมัยนี้ยังถูกนำมา ออกแบบให้เข้ายุคสมัยใหม่ มีดีไซน์ที่ทันสมัย แต่ยังคงจุดเด่นของผ้าไหมไทยไว้ได้ครบถ้วน กระทั้งแบนด์ชั้นนำยังเลือกใช้ผ้าไหมไทย มาตัดเย็บเป็นชุดแฟชั่น ไม่เพียงแค่เสื้อผ้า แต่ผ้าไหมไทยยังถูกนำมาสร้างเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือหมอนอิง ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก




ผ้าไหมอิตาลี : เนื่องด้วยลักษณะที่กล่าวมา ทำให้ผ้าไหมอิตาลี เป็นที่ตอบโจทย์ เสื้อผ้าสายแฟชั่น เพราะสามารถ นำตัวผ้ามาพิมพ์ลายได้ตามที่เราต้องการ และไม่มีข้อจำกัดเรื่องสี
แถมยังสามารถนำมาตัดเย็บ เป็นชุดเดรสแฟชั่น เสื้อเชิ้ต เสื้อฮาวาย กางเกง จึงเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับผู่ที่ต้องผลิต เสื้อผ้าสายแฟชั่น





การดูแลรักษา ผ้าไหมไทย และ ผ้าไหมอิตาลี
ผ้าไหมไทย : การซัก ควรใช้สบู่หรือสารซักฟอกที่มีสภาพความเป็นด่างน้อย ไม่ควรขยี้หรือขัดถูผ้าไหมแรง ๆ แต่ควรซักด้วยการแกว่งหรือสลัดเบา ๆในน้ำจนสะอาด แล้วจึงค่อย ๆ บีบเอาน้ำออกจนผ้าหมาด
แต่อย่าบิดผ้าไหม และอย่าซักโดยใช้เครื่องซักผ้า ให้ตากไว้ในที่ร่ม ไม่ควรแขวนผ้าไหมไว้กลางแดด ถ้าต้องการให้ผ้าไหมแห้งเร็วให้เป่าแห้งโดยใช้พัดลม ไม่ควรนำไปปั่นแห้ง เพราะจะทำให้เกิดรอยยับ จะทำให้รีดยาก ไม่ควรปล่อยให้ผ้าแห้งเองโดยใช้เวลานาน จะทำให้เกิดรอยด่างเป็นจุด ๆ จากรอยแห้งของหยดน้ำ
ส่วนการรีด ก็ควรรีดขณะผ้ายังหมาดอยู่ แต่ในกรณีที่ผ้าแห้งแล้ว ให้พรมน้ำลงบนผ้าจนผ้าชื้นทั่วทั้งผืน ควรใช้อุณหภูมิในการรีดไม่เกิน 145 องศาเซลเซียส และรีดด้านในของผ้า
ผ้าไหมอิตาลี : เนื่องจากผ้าไหมอิตาลี ทำมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ ทำให้มีการดูแลรักษาที่ง่าย สามารถนำมาซักเครื่องได้ ซักแห้งได้ ไม่จำเป็นต้องรีด แต่ควรซักในน้ำที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 40 องศา

Powered by MakeWebEasy.com
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy